อาหารเจ อิ่มท้อง อิ่มใจ อิ่มบุญ


ขึ้นชื่อว่า อาหารเจ หากเป็นคนที่รับประทานอยู่แล้วก็จะเข้าใจถึง ความหมายและลักษณะของอาหาร ว่าเป็นอย่างไร หรือหากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องการ ที่จะรับประทานอาหารเจ ก็จะต้องทำความเข้าใจในส่วนของวัตถุดิบ หรือวิธีการทำอย่างถูกหลัก 

การรับประทานอาหารเจนั้น หลายคนอาจจะเข้าใจแค่ผิวเผินว่าเป็นเพียงการทานอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ใดๆเลย แต่จริงๆแล้ว อาหารเจมีรายละเอียดมากกว่านั้น ถือได้ว่าเป็นรายละเอียดที่ละเอียดอ่อน ซึ่งสามารถเลือกทานเจได้ทุกวันหรือทานแค่เป็นช่วงเทศกาลเท่านั้น เพราะในบุคคลบางกลุ่มถือเอาการทานอาหารเจ มาถือเป็นการทำบุญไปในตัว

ความหมายของการกินอาหารเจ


คำว่าเจ เป็นศัพท์ที่เพี้ยนเสียงมาจากภาษาจีน ที่ออกเสียงว่า “ไจ” ด้วยโลโก้ที่เขียนเป็นภาษาจีน ตัวหนังสือสีแดง พื้นสีเหลือง ที่มีความหมายว่า “ปราศจากการทำลายชีวิตและของที่มีกลิ่นคาว” 

อีกความหมายหนึ่งคือ เจ ที่หมายถึง อุโบสถ หรือ การรักษาศีล 8 เพราะคนที่จะกินเจนั้นจะต้องรักษาศีล และการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ถือเป็นอาหารที่จะต้องปรุงโดยไม่มีเนื้อสัตว์ ทุกประเภท เหมือนกับที่เคยได้ยินมาว่า กินเจ 1 มื้อ หมื่นชีวิตรอดตาย ทั้งนี้การกินเจก็มาข้อห้ามทั้ง 5 ชนิด เป็นสิ่งที่ต้องห้ามเมื่อต้องทานอาหารเจ โดยตามความเชื่อคือหากทานทั้ง 5 ชนิดนี้มากเกินไปจะทำให้เสียสุขภาพ ถือเป็นพิษที่จะทำร้ายธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย ดังนี้

» อาหารเจจะต้องไม่มีวัตถุดิบ ที่มีกลิ่นฉุนอีก 5 ชนิดได้แก่ «

  • กระเทียม ไม่ว่าจะเป็นหัวหรือต้น
  • หอมทุกประเภท ทั้งหัวหอม หอมแดง หอมใหญ่ ต้นหอม หอมขาว ใบหอม
  • หลักเกียว เหมือนกับหัวกระเทียมโทน
  • ผักกุยช่าย มีใบคล้ายกับใบหอม แต่แบนและอาจจะเล็กกว่า
  • ใบยาสูบ รวมไปถึงบุหรี่ยาเส้น และของเสพติด มึนเมา

» ผลลัพธ์ที่ส่งผลแก่ร่างกาย «

  • กระเทียม ทำลายธาตุไฟ ทำให้หัวใจผิดปกติ
  • หอม ทำลายธาตุน้ำ ทำให้มีปัญหาต่อไต
  • หลักเกียว ทำลายธาตุดิน ทำให้ม้ามผิดปกติ
  • ผักกุยช่าย ทำลายธาตุไม้ ทำให้ตับมีปัญหา
  • ใบยาสูบ ทำลายธาตุทอง ทำให้ปอดมีปัญหา

เราสามารถกินเจวันไหนได้บ้าง


การรับประทานอาหารเจ ถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ เจบริสุทธิ์  เจแบบดื่มนม และเจแบบดื่มนมกินไข่ด้วย และคนที่ทานอาหารเจ มีหลักการในการคิดแบบนี้ว่า ผักและผลไม้ธรรมชาติ เป็น “หยาง” คือความสะอาด ปลอดโปร่ง และความแจ่มใส แต่เนื้อสัตว์กลับตรงกันข้าม คือมีความขุ่นมัว ความมืดมิด เป็น “หยิน” และด้วยตามธรรมชาติของมนุษย์นั้นจะมีความเป็นหยินมากกว่าหยาง 

ในเทศกาลของการกินเจ จะมีทุกปี ซึ่งมีปีละ 9 วัน ตั้งแต่วันขึ้น 1-9 ค่ำ ในเดือน 9 ตามปฏิทินแบบจีน หรือราวๆปลายเดือนกันยาต้นเดือนตุลานั้นเองมีตำนานที่กล่าวขานตามตำราจีนว่า ชาวจีนกินเจเพราะเป็นการบำเพ็ญกุศลเพื่อระลึกถึงวีรชนชาวจีน 9 คน ที่เรียกกันว่า หงี่หั่วท้วง เพื่อถือเป็นการชำระล้างวิญญาณ อีกหนึ่งตำนานกล่าวว่า ตามพระสูตรของพุทธศาสนานิกายมหายาน ในภาษาจีนด้วย

พระพุทธเจ้าในอดีตกาลมี 7 องค์ ได้แก่

  1.   พระวิชัยโลกมนจรพุทธะ
  2.   พระศรีรัตนโลกประภาโมษอิศวรพุทธะ
  3.   พระเวปุลลรัตนโลกวรรณสิทธิพุทธะ
  4.   พระอโศกโลกวิชัยมงคลพุทธะ
  5.   พระวิสุทธิอาศรมโลกเวปุลลปรัชญาวิภาคพุทธะ
  6.   พระธรรมมติธรรมสาครจรโลกมโนพุทธะ
  7.   พระเวปุลลจันทรโภคไภสัชชไวฑูรย์พุทธะ

และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ได้แก่

  1.   พระศรีสุขโลกปัทมอรรถอลังการโพธิสัตว์
  2.   พระศรีเวปุลกสังสารโลกสุขอิศวรโพธิสัตว์

เป็นการรวม พระพุทธเจ้าและพระมหาโพธิสัตว์ ครบ 9 องค์ เรียกว่า “เก้าอ๋อง”ประเพณีการกินเจ จึงเป็นการประกอบพิธีกรรมสักการะบูชา และขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยผู้กินเจมีความเชื่อว่าหากกินเจจนครบ 9 วันนั้นจะทำให้ได้บุญสูงสุด 

คำถามที่พบบ่อย


? : ก่อนกินเจ ต้องเตรียมตัวอย่างไร

» : ในการเตรียมตัวของการกินเจนั้น ผู้เล่นจะต้องทำการล้างท้อง คือการที่อดอาหารเพื่อให้ร่างกายเกิดความบริสุทธิ์ ด้วยวิธีการที่เป็นไปตามพิธีกรรม

? : กินเจเพื่ออะไร 

» : เพื่อเป็นการทำให้ร่างกายเกิดความเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ทำให้เบียดเบียนสัตว์ และไม่เป็นการสร้างกรรมเพิ่ม

? : กินเจจะทำให้ขาดสารอาหารหรือไม่

» : จะบอกว่าไม่จริงเพราะหากคุณเลือกทานได้อย่างเหมาะสม จะทำให้คุณได้รับสารอาหารจากจำพวกถั่ว และโปรตีนต่างๆ ก็สามารถแทนที่เนื้อสัตว์ได้